5 เทรนด์ Exhibition ปี 2026 ที่นักจัดงานต้องรู้
- expopassmedia
- 4 วันที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที

5 เทรนด์ Exhibition ปี 2026 ที่นักจัดงานต้องรู้
ในยุคที่อุตสาหกรรม Exhibition (งานแสดงสินค้า) กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังช่วงโควิด-19 ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมงานกำลังผลักดันให้นักจัดงานต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
5 เทรนด์ Exhibition ปี 2026 ที่นักจัดงานต้องรู้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ Exhibition ที่ไม่ได้แข่งกันแค่ “ขนาดของงาน” แต่คือ “คุณภาพของประสบการณ์” ที่มอบให้กับผู้เข้าชมและผู้แสดงสินค้า
มาดูกันว่า 5 เทรนด์หลักที่นักจัดงานต้องรู้และเตรียมพร้อมมีอะไรบ้าง 👇
🔹 1. Smart Technology & Data-Driven Experience
เทคโนโลยีอัจฉริยะจะเข้ามามีบทบาทในทุกขั้นตอนของการจัดงาน ตั้งแต่ระบบ Smart Registration, Facial Recognition Check-in, ไปจนถึง AI Matchmaking ที่จับคู่ผู้เข้าร่วมกับ Exhibitor ตามความสนใจจริง
นอกจากนี้ยังมีระบบ Real-Time Analytics Dashboard ที่ช่วยให้ผู้จัดงานเห็นข้อมูลพฤติกรรมผู้เข้าชมทันที — ตั้งแต่เส้นทางเดินในงาน จนถึงบูธที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
💡 Insight (มุมมองผู้เชี่ยวชาญ):
“เทคโนโลยีไม่ใช่แค่ของเสริม แต่คือเครื่องมือสร้าง ประสบการณ์ที่วัดผลได้จริง”
ผู้จัดงานที่นำ Data มาวิเคราะห์ต่อเนื่องหลังจบงาน จะสามารถพัฒนา Exhibition ให้ตรงกลุ่มมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และสร้างความประทับใจที่ยั่งยืนกับทั้ง Exhibitor และ Visitor

🔹 2. Hybrid & Phygital Exhibition กลับมาอีกครั้ง
หลังจากหลายปีที่ทุกคนหันกลับมาจัดงาน On-site อีกครั้ง เทรนด์ Hybrid Format ก็ยังไม่หายไป เพราะแบรนด์ระดับโลกยังคงต้องการเข้าถึงผู้ชมจากหลายประเทศในเวลาเดียวกัน
แนวคิด Phygital (Physical + Digital) จะกลายเป็นมาตรฐาน เช่น
• Virtual Booth ที่เข้าชมได้แม้ไม่ได้อยู่หน้างาน
• Live Streaming เวทีเสวนา
• ระบบ Online Meeting ระหว่าง Exhibitor และ Buyer
💡 Insight (มุมมองผู้เชี่ยวชาญ):
“Hybrid จะไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของงานยุคใหม่”
ผู้จัดงานที่ออกแบบประสบการณ์ให้ไร้รอยต่อระหว่างโลกจริงและโลกดิจิทัล จะสามารถขยายฐานผู้เข้าชม และเพิ่มมูลค่าของงานได้ตลอดทั้งปี ไม่จำกัดแค่ช่วงวันจัดงานเท่านั้น

🔹 3. Sustainable Exhibition คือหัวใจของปี 2026
ทั่วโลกให้ความสำคัญกับ Sustainability (ความยั่งยืน) มากกว่าที่เคย
ปี 2026 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน เช่น
• ใช้วัสดุบูธรีไซเคิลและโครงสร้าง Modular Reuse
• ลดเอกสารด้วยระบบ Paperless Registration
• บริหารจัดการพลังงานและขยะอย่างมีระบบ
• สื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านแนวคิด “Green Event”
💡 Insight (มุมมองผู้เชี่ยวชาญ):
“ความยั่งยืนคือกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่เทรนด์”
ผู้จัดงานที่สามารถพิสูจน์การดำเนินงานอย่างยั่งยืนด้วยข้อมูลจริง เช่น การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ หรือการรีไซเคิลหลังงาน จะได้รับความไว้วางใจจากผู้แสดงสินค้าระดับสากลและหน่วยงานรัฐมากขึ้น

🔹 4. Personalized Experience สำหรับผู้เข้าชมแต่ละกลุ่ม
การจัดงานแบบ “ทุกคนได้รับประสบการณ์เดียวกัน” กำลังหมดไป
ผู้จัดงานยุคใหม่จะใช้ AI และ Data Segmentation เพื่อมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล เช่น
• แนะนำบูธที่ตรงกับความสนใจผ่านแอป
• ระบบจองกิจกรรมแบบ Smart Suggestion
• เนื้อหาผ่าน Email หรือ Push Notification ที่แตกต่างกันตามกลุ่มผู้เข้าชม
💡 Insight (มุมมองผู้เชี่ยวชาญ):
“Exhibition ที่เข้าใจผู้เข้าชมได้ลึกกว่าคู่แข่ง จะกลายเป็น Top-of-Mind ของอุตสาหกรรมนั้น”
Personalization คือกุญแจสำคัญในการเพิ่ม Engagement Rate และ Conversion Rate ในการจัดงานระยะยาว

🔹 5. Immersive Booth Design & Experiential Marketing
บูธในปี 2026 จะไม่ใช่แค่สวย แต่ต้อง “เล่าเรื่องได้”
เทคโนโลยีอย่าง AR/VR, Projection Mapping, และ Interactive Display จะถูกนำมาใช้สร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดสายตาและชวนมีส่วนร่วม
แบรนด์จะหันมาใช้แนวทาง Experiential Marketing — ให้ผู้เข้าชมได้ทดลอง สัมผัส และมีส่วนร่วมกับสินค้าหรือบริการจริง
💡 Insight (มุมมองผู้เชี่ยวชาญ):
“บูธที่ดีไม่ใช่แค่ดึงดูด แต่ต้อง ‘เชื่อมโยงอารมณ์’ ระหว่างแบรนด์กับผู้เข้าชม”
ประสบการณ์ที่น่าจดจำจะเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นผู้สนับสนุน (Advocate) ของแบรนด์ในระยะยาว

✅ สรุป: Exhibition 2026 คือ “ประสบการณ์แบบครบมิติ”
ปี 2026 จะเป็นปีที่คำว่า “จัดงาน” เปลี่ยนเป็น “ออกแบบประสบการณ์”
นักจัดงานที่พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ สื่อสารแนวคิดยั่งยืน และสร้างความเฉพาะตัวให้กับผู้เข้าชม จะเป็นผู้ที่อยู่แถวหน้าของวงการ Exhibition ยุคใหม่